บริษัท รักษาความปลอดภัย พรีเมี่ยม กรุ๊ป จำกัด
การกระทำความผิดและบทลงโทษ
การกระทำความผิดและบทลงโทษ ในโครงสร้างอันซับซ้อนของสังคมมนุษย์ “ระเบียบวินัย” ถือเป็นกลไกสำคัญที่คอยขับเคลื่อนให้สรรพสิ่งดำเนินไปอย่างเป็นระบบและสงบสุข จากกฎจราจรบนท้องถนนไปจนถึงกฎกติกาในสถานศึกษา ระเบียบวินัยคือข้อตกลงร่วมกันที่ช่วยจำกัดความขัดแย้งและสร้างมาตรฐานในการอยู่ร่วมกัน เมื่อเราย่อส่วนเข้ามาในโลกขององค์กรหรือบริษัท สัจธรรมข้อนี้ก็ยังคงดำรงอยู่อย่างเข้มแข็ง “ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน” จึงไม่ได้เป็นเพียงเอกสารที่นายจ้างร่างขึ้นเพื่อควบคุมพนักงาน แต่เปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญฉบับย่อขององค์กรนั้นๆ ที่ทำหน้าที่เป็นรากฐานในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่มีประสิทธิภาพ สร้างความเป็นธรรม และเป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนสำหรับสมาชิกทุกคน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน ความสำคัญของสิ่งนี้ได้รับการยืนยันอย่างเป็นรูปธรรมในกฎหมายของประเทศไทย โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป มีหน้าที่ต้องจัดทำข้อบังคับการทำงานเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งต้องระบุถึงรายละเอียดสำคัญตั้งแต่เวลาทำงาน การลา ค่าตอบแทน ไปจนถึงส่วนที่ถือเป็นหัวใจของการบริหารบุคคล นั่นคือ “วินัยและโทษทางวินัย” อันเป็นเครื่องมือในการธำรงไว้ซึ่งมาตรฐานและความเป็นระเบียบเรียบร้อยขององค์กร
หากวินัยคือสิ่งสำคัญสำหรับทุกองค์กร สำหรับ “ธุรกิจรักษาความปลอดภัย” แล้ว วินัยไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งสำคัญ แต่เป็น “แก่นแท้” ของการดำรงอยู่ของธุรกิจเลยทีเดียว อาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัยนั้นมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากอาชีพอื่นโดยสิ้นเชิง พวกเขาไม่ใช่แค่พนักงานที่มาทำงานแลกกับค่าจ้าง แต่คือบุคคลที่ได้รับมอบความไว้วางใจอันสูงสุดให้ทำหน้าที่พิทักษ์ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น ภารกิจของพวกเขาตั้งอยู่บนเส้นด้ายบางๆ ของความเชื่อมั่น ซึ่งหากขาดสะบั้นลงด้วยการกระทำที่ไร้วินัยเพียงครั้งเดียว ก็อาจนำมาซึ่งความสูญเสียที่ประเมินค่ามิได้ ด้วยเหตุนี้เอง รัฐจึงได้เข้ามามีบทบาทในการกำกับดูแลธุรกิจนี้อย่างใกล้ชิด ผ่านการตรา “พระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2558” ขึ้นมาเป็นกฎหมายเฉพาะกิจ กฎหมายฉบับนี้ได้ยกระดับพนักงานรักษาความปลอดภัยจากสถานะ “ยาม” ทั่วไปสู่การเป็น “เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรับอนุญาต” ที่ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน ผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่กำหนด และได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน การมีอยู่ของ พ.ร.บ. ฉบับนี้คือการประกาศว่า วินัยและความเป็นมืออาชีพของบุคลากรสายนี้ไม่ใช่เรื่องภายในของบริษัทเอกชนอีกต่อไป แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความปลอดภัยในภาพรวมของสังคม
เมื่อพิจารณาเอกสาร “ความผิดและบทลงโทษ” ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของบริษัท พรีเมี่ยม กรุ๊ป จำกัด เราจะเห็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของการนำหลักการทางกฎหมายและความจำเป็นทางวิชาชีพมาปฏิบัติให้เกิดผลจริง เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่เพียงรายการข้อห้ามและบทลงโทษที่ไร้ชีวิตชีวา แต่คือคำประกาศถึงมาตรฐานระดับสูงที่บริษัทคาดหวังจากบุคลากรทุกคน และในขณะเดียวกันก็เป็นคำมั่นสัญญาที่บริษัทมีต่อลูกค้าว่าจะส่งมอบบริการที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและความน่าเชื่อถือสูงสุด การจำแนกฐานความผิดออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ตั้งแต่ความผิดสถานเบา เช่น การแต่งกายไม่สุภาพเรียบร้อย การไม่ดูแลรักษาอุปกรณ์ ไปจนถึงความผิดสถานหนักอย่างการหลับยาม การละทิ้งจุดบริการโดยพลการ การดื่มสุราหรือเสพสารเสพติดในขณะปฏิบัติหน้าที่ หรือกระทั่งการลักทรัพย์เสียเอง ล้วนได้รับการออกแบบมาอย่างแยบคายและเป็นระบบ บทลงโทษที่ไล่ระดับตั้งแต่การตักเตือนด้วยวาจา การทำหนังสือตักเตือน การพักงาน การหักเงินประกัน ไปจนถึงการเลิกจ้างและดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น มีความสมน้ำสมเนื้อกับระดับความรุนแรงของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น การมาสายเพียงไม่กี่นาทีอาจสร้างความขลุกขลักในการรับส่งเวร แต่การหลับยามในยามวิกาลอาจหมายถึงการเปิดประตูต้อนรับโจรผู้ร้ายให้เข้ามาสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น โครงสร้างของบทลงโทษจึงตั้งอยู่บนหลักแห่งความสมเหตุสมผลและความได้สัดส่วน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างระบบวินัยที่ยุติธรรมและได้รับการยอมรับ
ท้ายที่สุดแล้ว เอกสารว่าด้วยความผิดและบทลงโทษนี้จึงเป็นมากกว่าคู่มือของพนักงาน แต่มันคือเครื่องมือในการสร้างและรักษา “ความไว้วางใจ” ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ล้ำค่าที่สุดในธุรกิจรักษาความปลอดภัย มันสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาว่า การเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพรีเมี่ยม กรุ๊ปนั้น มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ และบริษัทก็ได้จัดเตรียมกรอบการทำงานที่ชัดเจนเพื่อช่วยให้พนักงานสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมเกียรติและสมภาคภูมิแห่งวิชาชีพ ในขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าทุกชีวิตและทุกตารางนิ้วที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทนั้น จะได้รับการปกป้องโดยบุคลากรมืออาชีพที่มีวินัยและมาตรฐานสูงสุดอย่างแท้จริง
1. การเข้าทำงานสาย หรือออกก่อนสับเปลี่ยนเวรกันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าหรือบริษัท
– หักเงินประกัน 1 แรง/ครั้ง , มาสายเกิน 3 ครั้งหักเงินประกัน 1 แรง
2. ขาดงานโดยไม่แจ้งให้บริษัทฯ และหน่วยงาน หรือลากิจไม่ถูกต้อง
– หักเงินประกัน 3 แรง/ครั้ง
3. ขาดงานเกิน 3 วัน ไม่ติดต่อกับบริษัทฯ ลากิจติดต่อเกิน 7 วัน
– หักเงินประกัน 7 แรง/ครั้ง ปลดออกพร้อมยึดเงินสมทบฯ
4. ลาหยุดหลังเงินเดือนออก 1-3 วัน และลาหยุดในช่วงเทศกาลที่ห้ามหยุด
– หักเงินประกัน 3 แรง/ครั้ง/วัน
5. มีอาการเมาสุรา อาละวาดเพื่อนร่วมงาน บุคคลอื่น และทำความเสื่อมเสียต่อบริษัทฯ ขณะปฏิบัติหน้าที่
– หักเงินประกัน 3 แรง/ครั้ง ประกาศพ้นหน้าที่พร้อมยึดเงินสมทบฯ
6. เสพยาเสพติดทุกชนิด
– หักเงินประกัน 7 แรง/ครั้ง ประกาศพ้นหน้าที่พร้อมยึดเงินสมทบฯ
7. แต่งกายไม่สุภาพ หรืออุปกรณ์เครื่องแบบบริษัทฯ ไม่ครบชุด
– หักเงินประกัน 1 แรง/ครั้ง
8. ทิ้งจุดหรือฝ่าฝืนคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ไม่สนใจการปฏิบัติหน้าที่
– หักเงินประกัน 2 แรง/ครั้ง
9. พนักงานลักทรัพย์, หรือร่วมกับผู้อื่น กระทำความผิดเดียวกันถือเป็นความผิดร้ายแรง
– ประกาศพ้นหน้าที่ ตัดเงินประกัน 2,000 บาท และส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย
10. พูดจาหรือแสดงกริยาท่าทางกระด้างกระเดี่องต่อผู้บังคับบัญชา
– หักเงินประกัน 1-2 แรง/ครั้ง
11. ขาดความสามัคคี หรือรายงานเท็จ
– หักเงินประกัน 1 แรง/ครั้ง
12. พูดจาข่มขู่เพื่อนร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา
– หักเงินประกัน 1 แรง/ครั้ง/วัน
13. มีความบกพร่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวข้อเดิมเกิน 3 ครั้ง
– หักเงินประกัน 5 แรง/ครั้ง ประกาศพ้นหน้าที่พร้อมยึดเงินสมทบฯ
14. เล่นการพนันทุกชนิดในหน่วยงานหรือห้องพักพนักงานทั้งในหน้าที่หรือนอกเวลาปฏิบัติหน้าที่
– หักเงินประกัน 5 แรง/ครั้ง ประกาศพ้นหน้าที่พร้อมยึดเงินสมทบฯ
15. ทำให้ชื่อเสียงบริษัทฯ ได้รับความเสื่อมเสีย พูดจาใส่ร้ายหรือดูหมิ่นบริษัทฯ และทำให้ทรัพย์สิ้นของบริษัทฯ เสียหาย/สูญหาย
– หักเงินประกัน 7 แรง/ครั้ง ประกาศพ้นหน้าที่พร้อมยึดเงินสมทบฯ
16. กระทำความผิดใด ๆ ตามประเพณีหรือกฎหมาย
– หักเงินประกัน 10 แรง/ครั้ง ประกาศพ้นหน้าที่พร้อมยึดเงินสมทบฯ
17. บริษัทฯ มีคำสั่งพักงานตามความผิด
– หักเงินประกัน 5 แรง/ครั้ง
18. บริษัทฯ มีคำสั่งปลดพนักงานตามความผิด
– หักเงินประกัน 5 แรง/ครั้ง
19. ลาออกไม่แจ้งล่วงหน้า 45 วัน (ออกไม่ถูกต้อง)
– ประกาศพ้นหน้าที่พร้อมยึดเงินกองทุนสมทบฯ และตัดเงินประกัน 2,000 บาท
20. พนักงานออกโดยไม่แจ้งทางบริษัทฯ
– หักเงินประกัน 10 แรง/ครั้งประกาศพ้นหน้าที่พร้อมยึดเงินสมทบฯ และถ้าไม่ติดต่อกลับภายใน 1 เดือน จะไม่ได้รับค่าจ้างส่วนที่เหลือ(ถ้ามี)
21. อ่านหนังสือพิมพ์, หนังสืออ่านเล่น, ฟังวิทยุ, ดูทีวี ขณะปฏิบัติหน้าที่
– หักเงินประกัน 1 แรง/ครั้ง , และเพิ่มขึ้นตามจำนวนครั้ง
22. พนักงาน รปภ. คนใด โดนผู้ว่าจ้างขอเปลี่ยนตัว หรือส่งกลับ บริษัทฯ
– หักเงินประกัน 1,000 บาท